วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิวัฒนาการโทรทัศน์ในประเทศไทย กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

          หากมองย้อนไปในอดีตนับตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2495 ที่ประเทศไทยได้เริ่มแพร่ภาพออกอากาศโดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหมเป็นครั้งแรกนั้นถือว่าเป็นยุคบุกเบิกวงการโทรทัศน์ในประเทศไทย แต่ทั้งนี้วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีมิได้หยุดอยู่กับที่ต่อกิจการวิทยุ โทรทัศน์ที่เริ่มแรกให้บริการในระบบอนาล็อคที่ย่านความถี่ VHF และ UHF ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นก็ได้มีออกอากาศผ่านดาวเทียม หรือดิจิตอลทีวีที่ใช้ความสามารถในการบีบอัดสัญญาณเพื่อให้คลื่นความถี่ สามารถนำไปใช้งานได้มากขึ้น และสำหรับเทคโนโลยีสุดท้ายที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ คือ ไอพีทีวี เป็นการประยุกต์ใช้งานโดยเอาเทคโนโลยีด้านโทรทัศน์ซึ่งเป็นการแพร่สัญญาณภาพ และเสียงผ่านทางคลื่นความถี่มาใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบมัลติมีเดีย จึงสามารถให้บริการได้ทั้งภาพ เสียงและข้อมูลได้พร้อมกัน หรือที่เรียกว่า Triple play

          ดังจะเห็นได้จากในอดีตที่ประเทศไทย โดยกรมประชาสัมพันธ์ได้สร้างสถานีวิทยุโทรทัศน์และจัดออกอากาศในระบบอนาล็อค ความถี่ที่นำมาใช้งานย่านความถี่ TV ย่าน I (ช่อง 2-6) ความถี่ 54 MHz – 88 MHz (VHF)- TV ย่าน III (ช่อง 7 – 13) ความถี่ 174 MHz – 216 MHz (VHF)- TV ย่าน IV- & V (ช่อง 14 – 69) 470 MHz – 806 MHz (UHF) -

          โดยมีสถานีดังนี้ คือ ช่อง 3, 5, 7, 9 และช่อง 11 และในปี พ.ศ. 2538 ได้เกิดสถานีโทรทัศน์สีเพิ่มขึ้นมาอีก 1สถานี คือ สถานีโทรทัศน์ทีวีเสรี หรือ ITV (Independent Television) โดยได้รับอนุมัติสัมปทานอย่างเป็นทางการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ ITV หรือทีวีเสรี ส่งสัญญาณแพร่ภาพวิทยุโทรทัศน์ออกอากาศในระบบ UHF หรือ Ultra High Frequency ตามมาตรฐาน PAL-G ปัจจุบัน ITV ได้เปลี่ยนชื่อเป็น TITV

          เนื่องจากไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ขอให้ บมจ. อสมท ขอให้หน่วยราชการจัดสรรความถี่วิทยุย่าน UHF ให้กับไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งได้รับอนุมัติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2546 ในกรุงเทพมหานครกำหนดออกอากาศที่ช่อง 32 ย่านความถี่ 558 – 566 MHz เป็นระบบ UHF และได้ออกอากาศอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2548 เป็นต้นมา





          โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม (Satellite Television) ถือว่าเป็นการเปิดยุคสื่อรูปแบบใหม่ ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้ธุรกิจแพร่ภาพโทรทัศน์มีการเปลี่ยน แปลงเกิดขึ้น โดยเฉพาะการเติบโตของธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีต้นทุนไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งรัศมีของสัญญาณดาวเทียมสามารถส่งสัญญาณออกอากาศได้ครอบคลุมหลายพื้นที่ โดยผู้ลงทุนไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งเสาสัญญาณเพียงพัฒนาเนื้อหาหรือรายการที่ ออกอากาศ และขอใบอนุญาตส่งสัญญาณโทรทัศน์ก็สามารถให้บริการได้ ในปัจจุบันมีธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมออกอากาศทั่วโลกเป็นจำนวนมากในหลาย ประเทศโดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐ สำหรับในประเทศไทยเองก็มีผู้ประกอบการหลายรายให้ความสนใจที่จะเปิดให้บริการ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามการให้บริการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในประเทศไทยนั้นยังติดขัด ปัญหาทางด้านระเบียบในการออกอากาศ เนื่องจากยังไม่มีการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ แห่งชาติ หรือ กสช. ที่จะเข้ามาจัดสรรคลื่นความถี่และออกใบอนุญาตประกอบกิจการใหม่ให้กับผู้ ประกอบการไทยได้ แม้ว่าในช่วงที่อยู่ระหว่างการสรรหาคณะกรรมการ กสช. นั้นจะมีหน่วยงานดูแลแต่ก็ไม่สามารถออกใบอนุญาตใหม่ให้กับผู้ให้บริการรายใด เพิ่มเติมได้อีก โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเป็นไปตามกระแสโลกกับการพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบันทำ ให้การแพร่ภาพสัญญาณและการใช้ความถี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การออกอากาศในระบบดิจิตอลทำให้ช่วงคลื่นหนึ่งสามารถบีบอัดสัญญาณให้สามารถ ออกอากาศได้ถึง 30 ช่อง จากเดิมการใช้เทคโนโลยีอนาล็อกสามารถออกอากาศได้เพียง 1 ช่องเท่านั้น ทำให้สามารถมีสถานีโทรทัศน์ขยายจำนวนเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาก็มีการเปิดให้บริการ "โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม" สำหรับออกอากาศในประเทศไทยเกิดขึ้นหลายราย โดยเลี่ยงไปออกอากาศโดยใช้คลื่นความถี่ของประเทศอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกับประเทศไทย เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง ลาว กัมพูชา โดยการส่งเนื้อหารายการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและออกอากาศโดยผ่านสัญญาณ ดาวเทียมจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ โดยมีเป้าหมายผู้ชมในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีผู้ให้บริการอีกส่วนหนึ่งที่ออกอากาศโดยผ่านเครือข่ายดาว เทียมในประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นกิจการโทรทัศน์ที่ยังไม่ได้การอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ของประเทศ และเกิดปัญหาการละเมิดสิทธิ์การออกอากาศโดยผ่านทางคลื่นความถี่ในประเทศไทย จากผู้ให้บริการหลายรายอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้ยังประสบกับปัญหาการนำเสนอรายการที่ก่อให้เกิดปัญหาความมั่นคงของ ประเทศด้วย นอกจากนี้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นทำให้รูปแบบของการออกอากาศมีความหลากหลายมาก ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น IPTV (internet protocol TV) และโทรศัพท์เคลื่อนที่ (mobile TV) ซึ่งนับเป็นเทรนด์การออกอากาศที่น่าจับตามอง เพราะมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนผู้ใช้บริการสื่อเหล่านั้นเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำมาซึ่งความยุ่งยากในการบริหารจัดการของหน่วยงานที่ต้องเข้ามารับผิด ชอบในการใช้สื่อต่างๆ และต้องเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมทั้งทางด้านกฎระเบียบที่จะเข้ามาควบคุม และจัดระเบียบการให้บริการให้อยู่ในลักษณะที่พร้อมจะพัฒนาให้การนำทรัพยากร คลื่นความถี่ไปใช้อย่างเกิดประโยชน์ต่างๆ ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมหลายประการ สำหรับความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจของทีวีดาวเทียมนั้น แม้ว่าจะมีแนวโน้มความเป็นไปได้สูงเมื่อเทคโนโลยีใหม่นั้นทำให้การลงทุนใน การให้บริการ


  


          ดิจิตอลทีวี (Digital Television) ดิจิตอล ทีวี จะเป็นตัวแปรที่สำคัญที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประกอบธุรกิจสื่อทีวีและวิทยุ ทุกราย คุณสมบัติที่สำคัญของเทคโนโลยีดิจิตอล คือ ความสามารถในการบีบอัดสัญญาณ เพื่อให้คลื่นความถี่สามารถนำไปงานได้มากขึ้น ดังในกรณีของคลื่นวิทยุการแบ่งช่องความถี่วิทยุบนหน้าปัดเดิมจะแบ่งกันให้มี ช่องห่างระหว่างสถานี 0.5 MHz แต่ปัจจุบันได้นำเทคโนโลยีที่มีช่องห่างระหว่างสถานี 0.25 MHz มาใช้ในระบบ FM จะเห็นได้จากสถานีวิทยุชุมชนในปัจจุบัน ซึ่งในบางประเทศก็ได้มีการนำมาใช้งานแล้ว นั่นหมายความว่า คลื่นความถี่วิทยุระบบ FM ในเมืองไทยที่เคยมีอยู่ 527 คลื่นความถี่ จะมีคลื่นความถี่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เช่นเดียวกับสถานีโทรทัศน์เทคโนโลยีดิจิตอลที่สามารถบีบอัดสัญญาณจะส่ง ผลให้สถานีโทรทัศน์มีช่องรายการเพิ่มขึ้นมากมายจากคลื่นความถี่เพิ่มขึ้น เปรียบง่ายๆ ก็เหมือนกับเคเบิ้ลทีวีในเวลานี้ที่มีช่องรายการมากกว่า 30 ช่อง ตัวอย่าง ภาคส่งของสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ได้รับการพัฒนาไปเป็นระบบดิจิตอลแล้ว โดยการยิงสัญญาณดาวเทียม 1 ทรานสปอนเดอร์ จะทำให้สามารถส่งได้ถึง 4 ช่อง เมื่อเครื่องรับเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอล หรือใช้วิธีติดตั้งอุปกรณ์ Set top box ที่มีความสามารถในการแยกสัญญาณ ดังนั้นคาดว่า ภายในเวลา 5 ปี ดิจิตอลทีวีจะเข้าสู่ประเทศไทย เครื่องรับ High definition TV ที่รองรับเทคโนโลยีดิจิตอลจะเข้ามาแทนที่เครื่องรับโทรทัศน์ตามบ้านใน ปัจจุบัน ช่องสัญญาณของสถานีโทรทัศน์หลักที่ปัจจุบันออกอากาศได้เพียง 1 ช่องต่อ 1 สถานี จะถูกแตกเป็นหลายช่องสัญญาณเป็นฟรีทีวีที่สถานีโทรทัศน์สามารถหาโฆษณาได้ เพิ่มมากขึ้น สำหรับในอนาคตข้างหน้า เทคโนโลยี Digital convergence จะทำลายพรหมแดนในเรื่องของความแตกต่างของเทคโนโลยีให้หมดไปสิ้น




          ไอพีทีวี (Internet Protocol Television :IPTV) ไอพีทีวี มีชื่อเต็มมาจากคำว่า Internet Protocol Television : IPTV เป็นการประยุกต์ใช้งานโดยเอาเทคโนโลยีด้านโทรทัศน์ ซึ่งเป็นการแพร่สัญญาณภาพและเสียงผ่านทางคลื่นความถี่มาใช้งานบนเครือข่าย อินเทอร์เน็ตแบบมัลติมีเดียจึงให้บริการได้ทั้งภาพ เสียง และข้อมูลได้พร้อมกัน หรือที่เราเรียกว่า Triple play และกำลังได้รับความนิยมอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ โดยมีผู้ให้บริการมากกว่า 30 รายทั่วโลก ที่เปิดให้บริการ หรือกำลังวางแผนพัฒนาบริการประเภทนี้ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ เป็นต้น จุดเด่นที่แตกต่างของไอพีทีวีจากฟรีทีวีช่อง 3, 5, 7, 9, 11 และ ทีไอทีวี รวมถึงเคเบิลทีวีอย่างยูบีซี (UBC) ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น True Vision คือ ไอพีทีวี เป็นการเสพความบันเทิงบนการสื่อสารแบบ 2 ทาง (Two aycommunications) ตลอด 24 ชั่วโมง ในรูปแบบของ อินเตอร์แอ็กทีฟทีวี (Interactive TV) คือ ผู้ชมสามารถโต้ตอบกลับไปยังสถานีโทรทัศน์ได้ ซึ่งจะแตกต่างจากระบบโทรทัศน์แบบเก่าที่ไม่สามารถโต้ตอบกลับไปยังสถานี โทรทัศน์ได้ทันท่วงที โดยการเปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนร่วมโดยตรงกับรายการที่ออกอากาศ ตัวอย่างเช่น การดูรายการเกมส์โชว์ เล่นเกม ตั้งกระทู้ ส่งเอสเอ็มเอสโหวต (SMS Vote) และการแสดงความคิดเห็น สนทนาสดในรายการทอล์กโชว์ผ่านโทรศัพท์ แชตผ่านอินเทอร์เน็ตโดยใช้ห้องแชตหรือเว็บแคม (Chat room or Web Cam) สนทนาแบบเห็นภาพผ่านวิดีโอโฟน (Videophone) ในระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 (3G) เป็นต้น

          ไอพีทีวีสามารถใช้งานผ่านอุปกรณ์ได้หลากหลาย ซึ่งต้องเป็นอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (Personal Computer : PC) เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook) พีดีเอ (PDA) โทรศัพท์มือถือ หรือกล่องอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับโทรทัศน์ ซึ่งรูปแบบในการเชื่อมต่อที่หลากหลายนี้จะทำให้ลดข้อจำกัดในการรับชมข้อมูล ข่าวสาร และความบันเทิงต่างๆ ได้ ขอเพียงให้สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต




          ปัญหาที่เกิดจากการนำเอาเทคโนโลยีไอพีทีวีมาใช้งาน อินเทอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีที่นำเสนอข้อมูลอย่างเสรี ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างอิสระ การเปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตสามารถกระทำได้ง่ายและไม่ต้องลงทุน มาก จึงเป็นช่องทางให้เกิดรูปแบบในการให้บริการอย่างที่ไม่เหมาะกับผู้ชม การเผแพร่ข่าวอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ





ที่มา :  http://www.adslthailand.com/forum/viewtopic.php?t=65190

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น